วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

การหลอกตัวเอง เพื่อความสุขของตัวเอง


การหลอกตัวเอง เพื่อความสุขของตัวเอง..อิอิโม้ให้ฟัง
ทำให้ฉันมีความสุข และมีชีวิตอยู่ต่อได้
....แต่เมื่อรู้ความจริงนั้น มันช่างเจ็บปวดเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้

การทำให้ตัวเองเผชิญกับความจริง มันคือสิ่งที่ควรทำ
แต่เมื่อลองทำ มันกลับค่อยๆกัดกินหัวใจ
....มันทรมาน เกินกว่าจะรับได้...ทรมานจริงๆ


ฉันคงเป็นได้เพียงไอ่บ้า ที่นั่งแต่งนิทานหลอกตัวเองมาตลอด
ใช่.... ฉันรู้ตัวมาตลอด
แต่ไม่คิดจะเตือนตัวเองเท่าใดนัก
ว่า...เธอนั้นไม่ได้คิดจะเหลียวแลกัน
มันคือความจริง ที่ว่ามันคืองานอดิเรกของฉันไปแล้ว
จะว่าฉันมีความสุขกับมันก็ว่าได้
โดยเมื่อทุกครายามที่เธอเข้ามาใกล้
ไม่รู้หรอกว่าเหตุผลใด
แต่ฉันก็จะเริ่มแต่งนิทานปรำปราขึ้นมาแล้ว
ด้วยจินตนาการ และความสุขส่วนตัวของฉันเอง

เธอเป็นเจ้าชาย ฉันเป็นเจ้าหญิง...เราสองคน เกิดมาคู่กัน
ฉันรักเธอ และแน่นอนทุกการกระทำที่ฉันมองเห็น
ก็หมายถึง... เธอก็แอบสนใจฉันเหมือนกัน
แล้วสักวันหนึ่งในภายหน้า
ฉันและเธอ จะมีงานวิวาห์ที่แสนหวาน
ใต้แสงจันทร์และเงาเทียน ที่รายล้อมไปด้วยผ้าห่มแห่งหมู่ดาวพราวพราย
แล้วเราจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยความรัก

เพียงแค่คิด ฉันก็เคลิ้มเข้าสู่ภวังค์
เคลิบเลิ้ม...
จนหลงละลืมที่จะดึงตัวและหัวใจออกมา
และลืมที่จะคิดไปว่า...
กับการแต่งนิทาน
...มันก็ย้ำอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว
ว่ามันคือนิทาน
ใช่ และมันจะไม่มีวันเป็นจริง

จนกระทั่ง วันหนึ่งมาถึง
ในขณะที่ฉันเริ่มเกริ่นนิทานแห่งจินตนาการที่ไม่สิ้นสุดของตัวเอง
ให้สหายของตนรับรู้ พวกเขาดูสนุกสนานและช่วยแต่งต่อ
ฉันรู้สึกเป็นปิติ และมีความสุขมาก พวกเขาแต่งออกมาได้ถูกใจฉันทีเดียว
แต่ ในขณะเดียวกัน สหายแปลกหน้า ก็เข้ามาทัก
และแจ้งแถลงไขแก้ทุกคนว่า มันคือนิทาน...
และพูดลอยๆออกมาว่า หญิงโชคดีผู้หนึ่งนี้ คือคนที่เธอฝักใฝ่
....หาได้ใช่ฉันไม่
นิทานของฉันนั้นล่มลงอย่างไม่เป็นท่า
ฉัน...ไร้ซึ่งกำลังจะแต่งเติมสร้างสรรค์ต่อให้เสร็จสมบูรณ์
ไม่ว่าจะแต่งให้บริบูรณ์ในแบบใด
ก็ไม่สามารถจะทำได้อีกต่อไปแล้ว
ไร้ซึ่งทั้งเรี่ยวแรง ลมหายใจผ่อนเบา
กำลังขาอ่อนเปลี้ย แขนก็ทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง
ดั่งเช่นคนเป็นง่อย หรืออาจถึงขั้นอัมพาต


ฉันกลับเข้าสู่ความจริงอีกครา
ความจริงอันโหดร้าย ที่ย้ำเตือนฉัน ว่าเธอไม่ได้รักกัน

แล้วที่เธอกระทำไปนั่นมันคืออะไรหรือ?
ที่เธอเดินเข้ามาใกล้ แล้วยิ้มเยือนให้
เมื่อเธอหันหลังเดินต่อไป รู้ไหม
วินาทีนั้นปีกของฉันแทบจะผุดออก แทบจะโผบินได้ดั่งผีเสื้อยามเช้า
นั่นคือจุดเริ่มต้นของนิทาน ที่ไม่มีวันจบ
....หรืออาจจะจบ โดยที่สุดท้าย
ฉัน...เป็นได้เพียงเจ้าหญิงกำมะลอ
เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอกับฉัน ก็ไม่มีวันได้คู่กัน
เมื่อเจ้าหญิงตัวจริงปรากฏกาย
ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องจากไป


แต่ถึงกระนั้น ฉันก็ยังจะรักเธอ
ด้วยความหวังต่อไป ว่าสักวันหนึ่ง เจ้าชายผู้ควรค่าแก่รักแท้
จะทอดพระเนตรดวงงามสุกใส
ลงมาที่ดวงใจน้อยๆนี้
และเราก็จะได้คู่กัน ตราบชั่วนิรันดร์กาล

.........
ขอสักวัน เธอจงมองเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจฉัน
แล้วเธอจะรู้ว่า
"ฉันรักเธอ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น